วันพฤหัสบดีที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2558

บทที่ 1 ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับการแปล

บทที่ 1 ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับการแปล
ความสำคัญของการแปล
                ปัจจุปันการใช้ภาษาอังกฤษได้เกิดขึ้นอย่างแพร่หลายในทุกส่วนของโ,ลก การแปลเป็นเรื่องที่มีความสำคัญอย่างยิ่งเพราะเป็นงานที่ต้องมีความละเอียด รอบคอบ  มีการศึกษาวิเคาระห์ข้อมูลในการเทียบความหมาย การตีความต่างๆให้ตรงกับเจ้าของภาษา ดังนั้นนักแปลจึงต้องมีความเพียรพยายามในการฝึกฝน จนเกิดความชำนาญทั้งทางด้านประสบการณ์และความรู้ในด้านต่างๆ ซึ่งเราสามารถยึดการแปลเป็นอาชีพได้
การแปลในประเทศไทย
                การแปลในประเทศไทยเริ่มมาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
สั่งโกษาปานไปเฝ้าพระเจ้าหลุยแห่งประเทศฝรั่งเศส จึงมีการฝึกนักแปลประจำราชสำนัก มีการแปลเอกสารต่างๆในการติดต่อค้าขายกับต่างประเทศในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและมีการสอนภาษาอังกฤษในราชสำนัก  ซึ่งการแปลจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทยเริ่มมีบทบาทสำคัญในสังคมไทยมากขึ้น ตั้งแต่ความก้าวหน้าของวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ และมีความเจริญทางเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะประเทศที่กำลังพัฒนา นอกจากนี้การแปลจะช่วยให้ลดความไม่เข้าใจกันนเนื่องจากมีวัฒนธรรมแตกต่างกัน และสร้างความเข้าใจระหว่างนานาชาติ ทำให้เกิดสันติภาพในโลก เพื่อสร้างความเข้าใจระหว่างประเทศ ระหว่างประชาชน และระหว่างสังคม
การแปลทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
                ผู้แปลงานวิชาการเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจะต้องเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและจะต้องมีนักภาษาอีกด้วย เพื่อป้องกันการใช้ภาษาวิบัติ การแปลมีปัญหาเนื่องจากขาดความรู้เรื่องพื้นบานทางวัฒนธรรม ผู้แปลจะต้องติดตางในเรื่องของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีให้มาก
การสอนแปลในระดับมหาวิทยาลัย
                การสอนแปลในระดับมหาวิทยาลัยเป็นการสอนแปล ที่ผู้เรียนต้องรู้เรื่องของไวยากรณ์ โครงสร้างของภาษาและการใช้ภาษาและการอ่านเพื่อทำความเข้าใจ เนื่องจากผู้เรียนขาดความรู้ในเรื่องเหล่านี้ และผู้ที่จะแปลได้ควรจะเป็นผู้ที่มีความรู้ทางภาษาอย่างดี โดยได้รับการฝึกฝนในเรื่องไวยากรณ์และโครงสร้างภาษาอังกฤษอย่างแท้จริง
การแปลคืออะไร
                การแปล คือการถ่ายทอดความคิดจากภาษาหนึ่งไปสู่ภาษาหนึ่งโดยมีใจความครบสมบูรณ์ตรงตรมต้นฉบับทุกประการ โดยไม่มีการตัดแต่งหรือต่อเติมที่ไม่จำเป็นใดๆทั้งสิ้น

คุณสมบัติของผู้แปล
1.               เป็นผู้รู้ภาษาอย่างดีเลิศ
2.               สามารถถ่ายทอดความรู้ให้ผู้อื่นได้เข้าใจ
3.               เป็นผู้มีศิลปะในการใช้ภาษา มีความเข้าใจในความสวยงามของภาษา
4.               เป็นผู้เรียนวิชาภาษาและวรรณคดีหรือภาษาศาสตร์
5.               ผู้แปลต้องเป็นผู้รอบรู้ รักเรียน รักอ่านและรักการค้นคว้าวิจัย
6.               ผู้แปลต้องมีความอดทนและเสียสละ
                จุดมุ่งหมายของผู้สอนแปล คือ สอนฝึกและผลิตนักแปลที่มีคุณภาพแก่สังคม รู้ซึ้งในเรื่องภาษา รักการอ่าน มีความอดทนและมีความรับผิดชอบ และรู้จักการใช้ความคิดของตนเอง
                นักแปลที่มีคุณภาพ คือนักแปลที่มีความสามารถถ่ายทอดความคิดของต้นฉบับได้อย่างครบถ้วนไม่ขาดไม่เกิน
วัตถุประสงค์ของการแปล
1.               การฝึกเพื่อผลิตนักแปลที่มีคุณภาพให้ออกไปรับใช้สังคมในด้านต่างๆ
2.               ผู้แปลจะต้องอ่านเข้าใจ สามารถจับใจความได้และสามารถถ่ายทอดความรู้นั้นๆออกมาเป็นตัวอักษรได้
3.               ผู้สอนแปลจะต้องเร้าให้ผู้เรียนได้อ่านอย่างกว้างขวาง
4.               ผู้เรียนแปลได้พบปะกับนักแปลมืออาชีพหรือผู้ให้บริการการแปลแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เพื่อเตรียมตัวก่อนที่จะไปประกอบอาชีพ
บทบาทของการแปล
                ในการสื่อสารจะมีผู้แปลเป็นตัวกลางระหว่างผู้ส่งสารและผู้รับสาร ซึ่งในการส่งสารแบบนี้จะต้อพบกับความแตกต่างทั้งในด้านประสบการใช้ภาษา ความรู้ อาชีพ สังคม วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม ประเพณี เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดในการแปล
ลักษณะของงานแปลที่ดี
                งานแปลที่ดีต้องมีเนื้อหาหรือข้อเท็จจริงชัดเจน ถูกต้องตามต้นฉบับ ใช้ภาษาที่ถูกต้อง กระชับความ ใช้รูปประโยคสั้นๆ แ สดงความคิดเห็นไว้อย่างแจ่มแจ้ง ใช้ภาษาเปรียบเทียบได้อย่างเหมาะสม และรักษาแบบหรือสไตล์การเขียนตามต้นฉบับไว้ และมีการปรับแต่งสำนวนเพื่อให้เข้ากับสภาพสังคม เพื่อให้ผู้อ่านเกิดความเข้าใจได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม
ลักษณะงานแปลภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทยที่ดี
1.               ภาษาไทยที่ใช้ในงานแปลนั้น ต้องเป็นธรรมชาติ ไม่ติดสำนวนฝรั่ง ปรับให้เป็นสำนวนไทยตามที่ใช้กันทั่วไป
2.               สามารถนำต้นฉบับภาษาอังกฤษมาเทียบเคียงกับคำแปลภาษาไทยได้ เน้นความชัดเจนของภาษาเป็นสำคัญ
3.               ใช้การแปลแบบตีความ แปลแบบเก็บความเรียงแล้วเขียนใหม่ ไม่แปลแบบคำต่อคำ
สรุปคุณสมบัติของผู้แปล
1.               เป็นผู้มีความรู้ในภาษาต้นฉบับและภาษาแปลอย่างดีและหมั่นค้นคว้าหาความรู้อยู่สม่ำเสมอ
2.               เป็นผู้ที่ชื่นชอบวิชาความรู้ในแขนงต่างๆ นอกเหนือจากด้านภาษาในการแปล
3.               เป็นผู้มีวิจารณญาณในการแปล มีพื้นฐานทางด้านไวยากรณ์ โครงสร้างของภาษา และการใช้ภาษา
4.               เป็นผู้มีใจกว้างพอที่จะรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น ไม่ควรยึดเอาว่าสิ่งที่ตนแปลนั้นดีที่สุด
5.               เป็นผู้มีความสามารถอุทิศเวลาให้กับการแปลได้อย่างแท้จริง เพราะจะต้องผลิตผลงานที่แปละเทียบควาถูกต้องตรงกันของคำจากต้นฉบับได้
การให้ความหมายของการแปล
                การส่งสารโดยวิธีการแปลเป็นภาษาแม่ของตน การให้ความหมายมี ๒ ประการ คือ การแปลที่ใช้รูปประโยคต่างกันแต่มีความหมายเดียวกันและการตีความหมายจากปริบทของข้อความต่างๆ อาจดูจากสิ่งของ หรือการกระทำต่างๆ
                การแปลอังกฤษเป็นไทยต้องคำนึงถึงความหมาย 4 ประการดังนี้
1.               อนาคตกาล การแปลที่ต้องเทียบปัจจุปันกาลกับอนาคตกาล
2.               โครงสร้างประโยคอื่นๆในการแปลแบบกาลในภาษาอังกฤษ รวมทั้งโครงสร้างของไวยากรณ์ที่มีบางอย่างยาก
3.               คำศัพท์เฉพาะ
4.               ตีความทำนาย
                                                                                การแปลกับการตีความจากปริบท
                ผู้แปลต้องมีความใกล้เคียง และความคิดรวบยอด ไม่ใช่แปลแบบใช้ความหมายเดียวกันในรูปประโยคที่ต่างกัน แต่ให้ดูสถานภาพที่เป็นอยู่ของข้องความ
                                               
                                                                                การวิเคราะห์ความหมาย
                การวิเคราะห์ความหมาย ประกอบด้วย องค์ประกอบของความหมาย ความหมายและรูปแบบและประเภทของความหมาย
องค์ประกอบของความหมาย
1.               คำศัพท์ ถือคำที่ตกลงยอมรับกันของผู้ใช้ภาษาซึ่งมีคำศัพท์จำนวนมากในการสื่อสาร  ความหมายของคำศัพท์แต่ล่ะคำจะเปลี่ยนไปตามบริบท
2.               ไวยากรณ์ คือแบบแผนการจัดเรียงคำในภาษา เพื่อให้ประโยคนั้นๆมีความหมาย
3.               เสียง  ในภาษาจะมีเสียงซึ่งเสียงส่วนมากจะมีความหมาย เมื่อนำเสียงมารวมกันจะเกิดเป็นหน่วยคำที่มีความหมาย เรียกว่า คำ หรือ คำศัพท์
ความหมายและรูปแบบ
1.               ในแต่ละภาษา ความหมายหนึ่งอาจแสดงได้หลายรูปแบบ เช่นในประโยคที่ต่างกันหรือการใช้คำที่ต่างกัน
2.               รูปแบบเดียวอาจมีหลายความหมาย ความหมายของรูปแบบแต่ละรูปแบบนั้นไม่แน่นอนตายตัวขึ้นอยู่กับปริบทเป็นสำคัญ
ประเภทของความหมาย
                นักภาษาศาสตร์ได้กำหนดความหมายไว้ 4 ประเภทด้วยกัน
1.               ความหมายอ้างอิงหรือความหมายโดยตรง คือความหมายที่กล่าวโดยตรงถึงสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ทั้งที่เป็นรูปธรรมและนามธรรมหรือเป็นความคิดหรือมโนภาพ
2.               ความหมายแปล คือ ความรู้สึกทางอารมณ์ของผู้ฟังและผู้อ่าน ซึ่งจะก่อให้เกิดความหมายในทางบวกหรือทางลบโดยขึ้นอยู่กับวัฒนธรรมและภูมิหลังของบุคคล
3.               ความหมายตามปริบท รูปแบบหนึ่งๆของภาษา อาจจะมีความหมายหลายความหมาย ต้องพิจารณาจากปริบทและสิ่งแวดล้อมของคำทั้งหมด จึงจะรู้ว่าผู้เขียนต้องการสื่อถึงอะไร
4.               ความหมายเชิงอุปมา เป็นความหมายที่เกิดจากการเปรียบเทียบทั้งการเปรียบเทียบแบบเปิดเผยและการเปรียบเทียบโดยนัย ซึ่งผู้แปลจะต้องวิเคาระห์การเปรียบเทียบให้ถูกต้อง
                การเลือกบทแปล ควรเลือกตามจุดประสงค์ของการสอนแปล เพื่อให้ได้ความหลากหลายของประเภทงานเขียน  โดยคำนึงถึงการทำให้ผู้เรียนได้มีโอกาสตระหนักถึงความบกพร่องต่างๆของคนในการแปล และให้ผู้เรียนได้ความรู้ทั้งทักษะด้านภาษาและเนื้อหาไปด้วย
เรื่องที่จะแปล
                1 เป็นเรื่องที่เลือกเฟ้น
                2 เรียบเรียงให้ถูกต้องทันกับสากลตลอดจนความละเอียดในภาษา
                3 ใช้ภาษาที่แปลอย่างถูกต้อง

ข้อควรระวัง คิอ วัฒนธรรมของเรื่องเดิม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น