กระบวนการแปล (Process of Translating)
งานแปลในยุคโบราณเป็นการแปลทางศาสนา และการแปลวรรณกรรมด้วยภาษาที่สละสลวย
ในยุคโบราณนั้นงานแปลส่วนใหญ่เป็นงานของชนชั้นสูงและผลงานของผู้ที่มีความสามารถพิเศษ
ดังนั้นจึงมีการคิดค้นหาวิธีการที่จะทำให้งานแปลมีคุณภาพและเป็นวิธีที่คนทั่วไปปฏิบัติได้
นักวิชาการด้านการแปลได้ศึกษาวิธีการนักแปลมืออาชีพใช้
แล้วนำมาจัดเป็นขั้นตอนที่นักแปลมือใหม่จะทำตามได้ เรียกว่าเป็น “กระบวนการแปล”
1.
รูปแบบกระบวนการแปลของ
Roger T. Bell
กระบวนการแปลประกอบด้วย 2
กระบวนการหลัก คือ 1 Analysis การแปลวิเคราะห์ต้นฉบับ
และ Synthesis การสังเคราะห์ความหมายเป็นภาษาฉบับแปล
ขั้นตอนที่ 1 การวิเคราะห์ (Analysis)
· การวิเคราะห์โครงสร้าง เป็นขั้นตอนแรกในการแปลคือ
การอ่านต้นฉบับในระดับอนุประโยค
·
การวิเคราะห์เนื้อหา
ในขั้นตอนนี้เป็นการใส่เนื้อหา ให้กับโครงสร้างที่มาจากขั้นตอนที่แล้ว
·
การวิเคราะห์การใช้ภาษา
มี 2 ขั้นตอน คือ
-แยกเนื้อหาหลัก และ วิเคราะห์ลีลาภาษา
ขั้นตอนที่ 2 การสังเคราะห์ (Syntactic)
· Pragmatic Syntactic ในขั้นตอนนี้จะใช้ข้อมูล
เพื่อพิจารณาว่าจะรักษาหรือเปลี่ยนแปลง ต้นฉบับในด้านความมุ่งหมาย และลีลาภาษา
· Semantic Synthesis ดำเนินการสร้างโครงสร้างที่บรรจุเนื้อหาของข้อความ
· Syntactic Synthesis ขั้นตอนนี้จะตรวจสอบความเหมาะสมของความหมาย
เพื่อเรียบเรียงข้อความในภาษาแปล
2.รูปแบบกระบวนการแปลของ Daniel Gile
ขั้นตอนที่ 1 ความเข้าใจ (Comprehension)
ในขั้นแรกนักแปลอ่านต้นฉบับที่ละ Translate Unit ซึ่งหมายถึงการแบ่งข้อความที่อ่านออกเป็นหน่วยเดียว
เช่น yes หรือเป็นประโยคทั้งประโยคก็ได้หรือยาวกว่าหนึ่งประโยคก็ได้
ขั้นตอนที่ 2 การสร้างใหม่ (Reformulation)
นักแปลจะต้องตรวจสอบว่ามีความหมายถูกต้องหรือไม่
และมีการเติมข้อมูลนอกเหนือจากต้นฉบับหรือไม่ นักแปลจะทดสอบจนกว่าจะแน่ใจ
การใช้กระบวนการแปล
(Application of Translation Process)
ขั้นตอนที่
1 การวิเคราะห์ต้นฉบับ (Analyzing)
ในการวิเคราะห์ต้นฉบับนั้นจะวิเคราะห์เป็นหน่วย
ดังนั้นจึงจำเป็นต้องแบ่งต้นฉบับออกเป็น Translate Unit
(TU) หรือ Unit of Translation (UT)
Syntactic
analysis: เป็นการวิเคราะห์ภาษาต้นฉบับออกจากโครงสร้าง
Semantic analysis: เป็นการวิเคราะห์ความหมายของโครงสร้างที่วิเคราะห์ได้
Pragmatic
analysis: เป็นการวิเคราะห์หน้าที่ขององค์ประกอบในโครงสร้าง
การวิเคราะห์ในขั้นตอนที่ 1
จะช่วยให้นักแปลทำหน้าที่ผู้อ่านต้นฉบับได้รับข้อมูลที่สื่อสารผ่าน Translate Unit
ได้ทุกด้านไม่ว่าจะเป็นความหมายเชิงโครงสร้างหรือความมุ่งหมายของการสื่อสาร
ขั้นตอนที่ 2 การแปลต้นร่าง (Draft)
การแปลในรูปแบบนี้มีความเชื่อพื้นฐานว่าการแปล คือ การแทนที่ต้นฉบับด้วยภาษาฉบับแปลที่มีความหมายเทียบเคียงกัน
นักวิชาการแปล
ให้ความสำคัญกับการศึกษามากและได้แบ่งออกเป็นประเภทต่างๆ ดังนี้
·
Formal
equivalence
·
Semantic
equivalence
·
Textual
equivalence
ในขั้น drafting นั้นแท้จริงก็คือ
การหาภาษาฉบับแปลที่ความหมายเทียบเคียงภาษาต้นฉบับนั่นเอง
และสามารถแบ่งออกไปเป็นระดับต่างๆ ดังนี้
· Finding equivalence at word and phrase level เป็นการหาคำหรือวลีที่มีความหมายตรงตามต้นฉบับ
· Finding equivalence at the level of grammar ไวยากรณ์(grammar)
นั้นหมายถึง กฎที่ควบคุมโครงสร้างต่างๆ ประกอบด้วย morphology
และ syntax
· Finding equivalence at the level of text เป็นการเชื่อมโยงประโยคหรือข้อความ
Sameness หมายถึงอะไร
ตอบลบความหมายเหมือนกัน
ตอบลบ