วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

พลิกมุมคิด (ต้นฉบับ)

พลิกมุมคิด
มีโอกาสได้ฟัง ศุภชัย เจียรวนนท์ซีอีโอของ ทรูแบบใกล้ๆ ในการเสวนาเรื่อง ผู้ชนะคือผู้กำหนดเกมของ ประชาชาติธุรกิจบอกได้เลยว่า คนนี้ไม่ธรรมดา ไม่ใช่เป็นลูกไม่ที่หล่นไม่ไกลต้น แต่เป็น ลูกไม้ที่หล่นไกลต้น เจอทั้งแดด ทั้งลม ทั้งแมลง ฯลฯ จนแข็งแกร่ง นึกถึงเมื่อครั้งที่นั่งฟัง ศุภชัยบนโต๊ะอาหาร ๒-๓ ครั้ง ตลอดระยะเวลาที่เขามารับตำแหน่งนี้ สารภาพตามตรงว่าตอนนั้นรู้สึกเฉยๆ แต่มาเจอ ศุภชัยบนเวทีวันนี้ เขาเปลี่ยนไปเยอะมาก มีพัฒนาการระดับแขย่งก้าวกระโดดเลยครับ แม้ผมกับ ศุภชัยจะมีนามสกุลลงท้ายด้วย นนท์เหมือนกัน แต่เงินในกระเป๋าต่างกันราวกับฟ้าดิน ถ้าวัดความโชคดีจากเงินในกระเป๋า ผมคงสู้ ศุภชัยไม่ได้ แต่ถ้าวัดความโชคดีจากภาระรับผิดชอบ ผมช่างเป็นคนที่โชคดีเหลือเกิน คิดดูสิครับ ศุภชัยเป็นลูกของ ธนินท์ เจียรวนนท์เจ้าสัวซีพี เห็นชื่อคุณธนินท์และความยิ่งใหญ่ของซีพีแล้ว ใครๆก็คิดว่า ศุภชัยคงทำงานอย่างสบายๆ แต่ ธนินท์เป็นนักธุรกิจที่มีวิธีคิดเรื่อง ลูกแตกต่างจากนักธุรกิจคนอื่น เขาจะไม่ให้ลูกเข้ามารับผิดชอบในองค์กรที่ประสบความสำเร็จแล้วอย่างซีพี ธนินท์เคยบอกว่าถ้าลูกมาทำงานในซีพี ถ้าฝีมือไม่ถึง หรือทำงานไม่ดีก็ไม่มีใครกล้าว่า แต่ถ้าทำงานสำเร็จได้รับเลื่อนตำแหน่ง ก็ถูกครหาว่าเพราะ นามสกุลเขาจึงให้ลูกเริ่มต้นทำงานในองค์กรใหม่สำเร็จหรือล้มเหลวให้วัดกันด้วยผลงาน ศุภชัยจึงต้องเริ่มต้นทำงานที่ เทเลคอมเอเชียหรือ ทรูแต่ตอนที่ ธนินท์เล่าถึงวิธีการเลี้ยงลูก เขาไม่ได้บอกว่าการบุกเบิกองค์กรใหม่จะหนักหนาสาหัสขนาดนี้ขนาดไหนหรือครับ ขนาดที่ผมรู้สึกว่าโชคดีกว่า ศุภชัย

ถ้าใครอายุเกิน ๓๐ ปี ให้ลองนึกย้อนกลับไปว่าตอนนั้นงานที่คุณรับผิดชอบหนักหนาสาหัสแค่ไหน แล้วเทียบกับ ศุภชัยดู ตอน ศุภชัยอายุประมาณ ๓๐ปีเป็นช่วงปี ๒๕๔๐ ที่รัฐบาลประกาศลอยตัวค่าเงินบาท
หน้าที่ของเขาใน ทรูคือการเดินทางไปต่างประเทศกับ อธึก อัศวนนท์เพื่อเจรจาประนอมหนี้กับเจ้าหนี้ต่างประเทศ มูลค่าหนี้ของ ทรูลอยตัวตามค่าเงินบาทจนสูงไปถึงระดับ ๙๐,๐๐๐ ล้านบาท ถ้าตัดคำว่า ล้านออกไปน่าจะเท่ากับเงินเก็บของผมในวัยเดียวกัน เขาเคยบอกว่าเป็นสถานการณ์ที่ทำใจยากมาก เราต้องบินไปให้เขาด่า และพอเขาด่าเสร็จ เขาก็เดินออกไปเลย อย่างนี้ผมเคยเจอ เห็นภาระของ ศุภชัยในวันนั้นแล้วไม่แปลกที่ผมจะรูสึกว่าตัวเองโชคดีจริงๆ
วันนี้ ทรูโดดเด่นขึ้นมาอีกครั้งด้วยกลยุทธิ์ คอนเวอร์เจ้นซ์หรือการผลึกกำลังทุกส่วนขององค์กรทรูคือทั้งโทรศัพท์ตามบ้านทรู โทรศัพท์มือถือทรุมูฟ ยูบีซี ไฮสปีดอินเตอร์เน็ต ฯลฯ พร้อมประกาศว่าจะเล่นเกมของเขาเอง ศุภชัยบอกว่าแต่ก่อนเหมือนกับเรามาชกมวยบนเวที มีกรรมการนับคะแนน แต่วันนี้ ทรูไม่ได้ชกมวยแล้ว ผมกำลังวิ่งผลัดที่ต้องอาศัยคน ๕ คน ผมกำลังบอกกับคนอื่นว่าเปลี่ยนจากชกมวย คุณมาวิ่งผลัดแข่งกับผมดีกว่า ฟังแล้วโดนใจคนรุ่นใหม่จริงๆ อีกประโยคหนึ่งของ ศุภชัยที่ ชาลอต โทณะวณิกของแบบกรุงศรีอยุธยาชอบมาก เป็นเรื่องอขง ผู้ชนะ  ศุภชัยบอกว่าถ้าใครคิดว่าเราชนะแล้ว คนนั้นคือ ผู้แพ้
เพราะเมื่อคิดว่า ชนะเมื่อไหร่ นั่นคือจุดเริ่มต้นของความพ่ายแพ้ ในการแข่งขันทางธุรกิจ คนที่ต้องคิดเอาชนะไม่ใช่ คู่แข่ง แต่เป็น ตัวเองและ ผู้บริโภค ถ้าเราสามารถเอาชนะใจผู้บริโภคได้เมื่อไหร่ เราก็จะเป็นผู้ชนะในสนามธุรกิจอย่างแท้จริง คมไหมครับ เรื่องกลยุทธ์ธุรกิจของ ศุภชัยเป็นเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจ แต่ผมชอบเรื่องวิธีคิดและวิธีตัดสินใจของเขามากกว่า  มีหลายประโยคบนเวทีที่ฟังดูก็รู้ว่า เป็นคนศึกษาเยอะ และน่าจะเป็นนักอ่านคนหนึ่ง เขาผสานแนวคิดแบบตะวันออกเข้ากับตะวันตกได้ดี มีทั้งเต๋า เซน และมวย   มวยไม่ใช่ลัทธิใหม่อะไรของจีนหรอกครับ แต่เป็นกีฬามวยที่ ศุภชัยชื่นชอบมาก  อย่างเช่น เขาบอกว่า ความกลัวนั้นคนเรามีได้เพื่อการอยู่รอดหรือป้องกันตัว  แต่ ความกล้าเท่านั้นจะทำให้เราก้าวไปข้างหน้า ทรูก้าวมาถึงวันนี้ได้เพราะ ความกล้า กล้าที่จะ ก้าว  ก้าวเพราะมุมคิดทางบวกของ ศุภชัย คิดดูสิครับวันที่ ทรูมีหนี้สิน ๙๐,๐๐๐ ล้านบาท มีที่ปรึกษาหลายคนแนะนำให้ตัดธุรกิจขายเป็นส่วนๆ ขายแล้วก็จบ  แต่ ศุภชัยไม่ยอม เขาบอกว่าปัญหาที่เกิดขึ้นตอนนั้นอยู่ที่เราจะเลือกมองในแง่ลบหรือในทางบวก  ถ้ามองในแง่ลบ เราก็จะคิดว่า ไม่มีอะไรเหลือแล้ว  แต่หากมองในแง่บอกก็จะคิดว่าไม่ใช่ไม่มีอะไรเหลือแล้ว  แต่... ไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้วต่างหาก  ในเรื่องเดียวกัน แต่เมื่อใช้มุมคิดที่ต่างกันเราก็จะเกิดความรู้สึกแตกต่างกัน  เราไม่มีอะไรเหลือแล้วคือ มุมมองที่สร้างความรู้สึก หดหู่และท้อแท้  ยิ่งคิดยิ่งท้อถอย   แต่ถ้ามองว่า ไม่มีอะไรจะเสียแล้วกลับเป็นมุมมองที่ทำให้เกิดพลังก้าวไปข้างหน้า  เพราะเมื่อไม่มีอะไรจะเสีย เราก็สามารถเดินหน้าได้โดยไม่ต้องพะวงต่อปัญหาใดๆ  การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของ ทรูเริ่มต้นจากการเปลี่ยนมุมคิดใหม่  สร้างกำลังใจให้กับตนเองในภาวะที่เลวร้ายที่สุด   ไม่มีอะไรจะเสีย   คงคล้ายๆ เรื่อง น้ำครึ่งถ้วยที่สามารถคิดได้ว่าเหลือแค่ครึ่งถ้วย  ศุภชัยย้ำหลายครั้งว่า การเปลี่ยนแปลงของทรูในวันนี้เกิดขึ้นจาก ๒ สิ่งคือมุมมอง และความกล้า

มองโลกในแง่บวก และ กล้าที่จะก้าวครับ...แค่พลิกมุมคิด ชีวิตก็เปลี่ยน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น