Learning Log 11
(in class)
สังคมไทยในปัจจุบันมีภาษาต่างประเทศเข้ามามีบทบาทในการเรียนการสอนภาษาอังกฤษในรูปแบบต่าง
ๆ ในห้องเรียน ภาษาที่อิทธิพลต่องานแปลในภาษาไทย คือ
ภาษาอังกฤษนั่นเอง
ซึ่งงานแปลในภาษาอังกฤษนั้นจะเป็นแปลให้เป็นภาษาไทย มีความจำเป็นที่จะต้องอาศัยคามรู้เกี่ยวไวยากรณ์ Grammar ซึ่งสำหรับวิชาอังกฤษนั้น
ซึ่งไวยากรณ์นั้นจะมีประโยชน์ต่อการแปลภาษาอังกฤษ เพราะเป็นการเชื่อมโยงไวยากรณ์สู่การแปลภาษาที่มีเหตุผลและหลักการต่าง
ๆ เข้าใจง่ายและถูกต้องในความหมายที่แปล
ดังต่อไปนี้เราจะกล่าวถึง
เรื่องการแปลข่าว
ซึ่งเป็นเรื่องที่เราควรเรียนรู้
เพราะเป็นการใช้แกรมม่าในการเขียนข่าวในหลาย ๆ ประเภท รวมไปถึง
phrose และ clause
หรือ sentence ที่สำคัญเราต้องมีความรู้ในส่วนของคำศัพท์ต่าง
ๆ ที่ใช้ในการเขียนข่าว
และหลักการใช้ Tense ต่าง ๆ
ในการเขียนข่าวเช่นกัน
ซึ่งในการเรียนรู้เรื่องการแปลข่าว
เราได้เรียนรู้ลักษณะของการพาดหัวข่าว
การเขียนประโยคในข่าว
คำศัพท์และตัวย่อต่าง ๆ ในการเขียนข่าว
รวมไปถึงการแปลประโยคเป็นภาษาไทย
และการสร้างประโยคจากภาษาไทย
เป็นภาษาอังกฤษ
ซึ่งเราสามารถนำความรู้เกี่ยวกับการแปลข่าว หรือการแปลข่าวและการสร้างประโยคในข่าว มาเชื่อมโยงในการแปลภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทย และภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งในการแปลข่าวเป็นภาไทยนั้นต้องใช้ภาษาที่สั้น กระชับ
และรัดกุม
ซึ่งเมื่อเราได้เรียนรู้ในเรื่องนี้แล้วเราสามารถที่จะแปลข่าวออกมาโดยการใช้ภาษาที่สละสลวย
และเมื่อเราพาดหัวข่าวได้สั้นและน่าสนใจทำให้ผู้อ่านเกิดความสนใจ ติดใจ
และเกิดความประทับใจที่จะติดตามข้อมูลของข่าวนั้น ๆ ต่อไป
การแปลข่าว
ซึ่งก่อนที่เราจะแปลข่าวได้นั้นเราต้องเรียนรู้ก่อนว่าข่าวมีส่วนประกอบต่าง
ๆ ที่สำคัญ อะไรบ้าง ซึ่งข่าวจะมีส่วนประกอบหลัก ๆ ที่สำคัญ ๆ คือ
ข่าวประกอบด้วย 3 ส่วน คือ
หัวข่าวและตัวข่าว
ซึ่งหัวข่าวนั้นเราจะเปรียบเทียบได้กับชื่อหัวข้อของข่าว หรือชื่อเรื่องของงานเขียนอื่น ๆ
และในส่วนที่เป็นตัวข่าวนั้นจะแบ่งออกเป็นประเภทย่อย ๆ ได้ 2
ประเภท คือ ส่วนที่
1 เนื้อข่าวโดยย่อ
ๆ และที่มาจากข่าวโดยทั่วไป
ซึ่งจะรวมอยู่ในย่อหน้าเดียวกัน
และส่วนที่ 2 คือ เนื้อหาหรือข้อมูลของข่าวโดยละเอียด ซึ่งอาจจะมีมากกว่า 1
ย่อหน้าก็ได้
ซึ่งงานเขียนข่าวนั้นจัดอยู่ในงานเขียนประเภทอรรถสาร จะมีลักษณะข้อมูลและการใช้คำศัพท์ที่มีความเฉพาะด้าน และมีการใช้โครงสร้างของคำและประโยค
ซึ่งจะมีความซับซ้อนในประโยคและจะมีการเรียงลำดับความยากง่าย เพราะว่าข่าวนั้นเป็นงานเขียนสำหรับผู้อ่านที่เกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นอยู่ สติปัญญา
ทัศนคติ
และรวมไปถึงการศึกษาในรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งแต่ละคนจะมีการศึกษาแตกต่างกัน
ดังนั้นการแปลข่าวจึงมีลักษณะกรแปลข่าวแบบเอาความหรือ free
transtation นั่นเอง ซึ่งในการเขียนข่าวนั้นไม่ว่าจะใช้ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ
หรือภาษาอื่น ๆ นั้น
แต่ละนั่นเอง
ซึ่งในการเขียนข่าวนั้นไม่ว่าจะใช้ภาษาไทย
ภาษาอังกฤษ หรือภาษาอื่น ๆ
นั้น
แต่ละภาษาที่ใช้ในการเขียนข่าวจะมีการใช้คำศัพท์ที่เป็นลักษณะเฉพาะของแต่ละภาษาซึ่งจะมีความแตกต่างกันออกไป รมไปถึงโครงสร้าง รูปแบบวลีและรูปแบบประโยคจะมีความแตกต่างกันออกไป
เมื่อเราพูดถึงการแปลข่าวจากภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษ
ผู้แปลนั้นจะต้องนำหลักการและลักษณะของการเขียนพาดหัวข่าวภาษาอังกฤษ และในทางกลับกันนั้น
การแปลข่าวจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทยนั้นผู้แปลจะต้องมีการใช้หลักการและลักษณะของการเขียนพดหัวข่าภาษาไทย
สิ่งสำคัญที่ผู้แปลนั้นจะต้องมีความคำนึงถึงหลักการในการพาดหัวข่าวจะมีลักษณะสำคัญ
ๆ 2 ลักษณะ คือ 1. ลักษณะการใช้ภาษาที่ถูกต้อง
จะเกี่ยวกับเรื่องโครงสร้างและการใช้คำศัพท์ และ 2. คือความสั้นยาวของหัวข่าว
ต่อไปจะพูดในเรื่องของโครงสร้างของหัวข่าวภาษาไทย
ซึ่งจะมีรูปแบบการเรียงคำในหัวข่าวของภาษาไทยจะแบ่งออกเป็น 2
แบบ ดังนี้ 1.
นามวลี noun phrase
ในประเภทนี้จะมีตัวอย่างให้เห็นน้อยมาก ตัวอย่างเช่น
สภาพตลาดหุ้นวอลสตรีวันนี้
ในประเภทที่ 2 คือ ประโยค
ซึ่งในประเภทนี้จะมีโครงสร้างประโยคที่เป็นหัวข่าวจะแบ่งออกเป็นประเภทต่าง
ๆ ที่สำคัญ 5 ประการ คือ 1. ประธาน + กริยา +
กรรม
ในส่วนที่เป็นกรรมนั้นอาจจะมีหรือไม่มีก็ได้
เราต้องพิจารณาจากกริยาว่ากริยานั้นต้องการกรรมหรือไม่ ตัวอย่างเช่น
น้ำท่วมกรุง 2. ประธาน +
กริยา + กริยา +
กรรม
ซึ่งกริยาทั้งสองตัวนั้นเป็นกริยาที่มีความสำคัญของประโยค
ซึ่งจะเป็นภาคแสดงที่บ่งบอกถึงการกระทำของประธานตัวเดียวกัน ซึ่งเราอาจจะใส่เครื่องหมาย -
ใช้ระหว่างกริยาทั้ง 2 ตัวหรือไม่ใส่ก็ได้ ตัวอย่างเช่น
4 โจรดี -
ฟันเกจิอาจารย์ไม่เข้า
3. กริยา +
กรรม
โครงสร้างประโยคนี้จะอยู่ในกรณีที่ประธานไม่ค่อยสำคัญ เพราะว่าหัวข่าวของสิ่งที่เกิดขึ้น
หรือผู้อ่านนั้นจะมีการคาดเดาได้จากข้อความในข้อข่าวว่าประธานนั้นเป็นใคร เราอาจจะละประธานไว้ได้ ตัวอย่างเช่น
สิ่งเตรียมพร้อมตำรวจชายแดนเต็มอัตราศึก
4. ประโยคเดี่ยวเรียงกัน 2
หรือ 3 ประโยค ตัวอย่างเช่น
ตื่นของถูก เข้าคิวซื้อ วุ่นทั้งกรุง
5. คำขึ้นต้นหัวข่าด้วยคำว่า “ คาด ” “ ว่า ” “ คาดว่า ” “ ว่ากันว่า
” และตามด้วยประโยค เช่น
คาดปัญหาน้ำมันเข้าที่ประชุม ค.ร.ม.
วันนี้
ย่อหน้านี้เราจะกล่าวถึงเรื่องของโครงสร้างของหัวข่าวภาษาอังกฤษ
ในส่วนของตัวข่าวภาษาอังกฤษจะไม่มีการใช้เครื่องหมาย (.)
เพื่อบ่งบอกในการจบประโยค
เราจะไม่มีการใช้เครื่องหมายแต่จะมีการใช้เครื่องหมายขาวเครื่องหมายคือ เครื่องหมายคำถามและเครื่องหมายตกใจ บ้างเล็กน้อยในการเขียนหัวข่าว จะแบ่งออกเป็นลักษณะที่สำคัญ ๆ 3
ลักษณะ ดังนี้ ก็คือ
(1) นามวลี
ในโครงสร้างประโยคแบบนี้จะเป็นแบบที่นิยมใช้กันมากที่สุด
ซึ่งโครงสร้างของนามวลีจะมีมากมายหลายรูปแบบ ดังนี้
คือ (1.1) N
+ V.ing เช่น Exports
qaining speed (1.2)
N + V.ed รูป V.ed P เป็นรูปที่ตัดมาจากกริยารูปกรรมวาจกซึ่งในโครงสร้างแบบนี้จะบอกว่าประธานนั้นเป็นผู้รับผลของการกระทำ เช่น Thai
hold in
Malaysia (1.3) N + Prep
P. เช่น Major
cuts in budget
(1.4) N + to V.P รูปของ to V.P. เป็นรูปที่ตัดมากจาก is (am,are)
to Verb ซึ่งในโครงสร้างแบบนี้จะบอกว่าเหตุการณ์จะเกิดขึ้น เช่น Cement export
to begin this
month
(2) ประโยคเดี่ยว ในโครงสร้างแบบนี้จะมีองค์ประกอบต่าง ๆ
ที่สำคัญ ดังนี้ คือ
ภาคประธาน และภาพแสดง
ซึ่งในการเขียนประโยคประเภทนี้จะมีความแตกต่างจากภาษาเขียนธรรมดา คือ
กริยาของประโยคแบบนี้จะใช้ในรูปของปัจจุบันกาล (Present Tense)
เสมอ a ,
an , the และ ’s ซึ่งอาจจะมีหรือไม่มีก็ได้
และเมื่อจบประโยคก็ไม่ต้องมีเครื่องหมายประโยค (.)
เช่น Son Sann
may lose Thai
backing และในประเภทสุดท้ายคือ (3)
รูปประโยคที่ตัดคำพูดมาลง
ซึ่งจะแบ่งออกเป็นรูปแบบต่าง ๆ ที่สำคัญ ๆ ได้ 5
แบบ คือ
- Borg -
“ J’ ll quit after
Wimbledom ”
- Borg :
“ J’ ll quit after
Wimbledom ”
- “ J’
ll quit after
Wimbledom ” - Borg
- “ J’
ll quit after
Wimbledom ” , Borg
- “ J’
ll quit after
Wimbledom ” ,
says Borg
* เครื่องหมายคำพูด (“
”)
อาจจะตัดออกไปหรือไม่ก็ได้ *
ต่อไปนั้นเราจะพูดในหัวข้อเรื่อง การแปลหัวข่าวทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
ซึ่งผู้แปลนั้นไม่จำเป็นที่จะต้องนำโครงสร้างประโยคของหัวข่าวในต้นฉบับมาใช้ฉบับแปล ซึ่งผู้แปลจะต้องจับใจความสำคัญ ๆ
ให้ได้ว่า ใคร ทำอะไร
จากหัวข่าวต้นฉบับ
แล้วผู้แปลจะต้องมีการนำมาถ่ายถอดในรูปแบบของโครงสร้างประโยคของฉบับแปล
ซึ่งในส่วนนี้จะพูดถึงเรื่องการเปรียบเทียบโครงสร้างหัวข่าวภาษาอังกฤษกับภาษาไทย ซึ่งจะใช้เป็นแนวทางในการแปล จะมี 3 ลักษณะ คือ
(1) ภาษาอังกฤษ : + N + V.ed P. ภาษาไทย : กริยา (คำถาม)
+ N
+ V + N
ตัวอย่างประโยค -
Gas price incrcased
11 satang per
litre.
พิจารณาราคาน้ำมันขึ้นลิตรละ 11
สตางค์
- Uriversity
entrance dates announced.
กำหนดวันสอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว
(2.) ภาษาอังกฤษ : + N + V.ing P. ภาษาไทย + คำถาม + กริยา + คำนาม
+ N
+ To V.P.
ตัวอย่างประโยค - Japan
willing to buy
more rice.
ญี่ปุ่นจะซื้อข่าวเพิ่ม
- Kukrit
to return to
politics.
คึกฤทธิ์จะกลับเข้าเล่นการเมืองอีก
(3.) ภาษาอังกฤษ : N + V + N ภาษาไทย : คำนาม + กริยา + คำนาม
ตัวอย่างประโยค - Dockard
workers stagc work
halt.
คนงานกลมอู่นับร้อยไม่ยอมเข้าทำงาน
- Planters
, millers laud
gort a sugar
dicision.
ชาวไร่อ้อย เจ้าของโรงงานน้ำตาลพอใจนโยบาลน้ำตาลของรัฐบาล
และในรูปแบบสุดท้ายคือ (4.) ภาษาไทย ว่า ecpected
คาดว่า + ประโยค N + said + To V
ว่ากันว่า believed
ตัวอย่างประโยค -
คาดว่าราคาทองจะเริ่มลด
Gold
prices ecpected to
go down.
- 1982
trade ecpected to be
worsen.
คาดว่าการค้าในปี 1982
จะลดลง
ในหัวข้อต่อไปที่เราจะกล่าวถึง นั่นคือ
การแปลในส่วนของตัวข่าว
ซึ่งจะมีหลักการต่าง ๆ ที่สำคัญ ๆ ดังนี้
(1)
โครงสร้างของตัวข่าว
ซึ่งทั้งทางภาษาไทยและภาษาอังกฤษนั้นจะมีความเหมือนกัน คือ
ในย่อหน้าแรกขิงตัวข่าวจะเป็นข่าวโดยการสรุปย่อ และจะมีการบอกถึงแหล่งที่มาของข่าวด้วย และย่อหน้าถัดไปจะประกอบด้วยรายละเอียด ซึ่งการแปลในส่วนของตัวข่าวที่ว่าจะเป็นไปตามโครงสร้างของประโยค
แต่ในการแปลข่าวนั้นจะมีข้อจำกัดในส่วนของเนื้อหาที่หน้ากระดาษ ซึ่งความยาวของฉบับแปลอาจจะน้อยกว่าต้นฉบับก็ได้ (2)
รูปประโยคและการใช้กริยา
ในการแปลข่าวเป็นภาษาอังกฤษจะเป็นการใช้โครงสร้างประโยคแบบสั้น จะไม่มีส่วนขยายที่มีความซับซ้อนเกินไป ในส่วนของภาคแสดงในประโยคภาษาอังกฤษนั้นจะใช้เป็นอดีตกาล หรือ past tense นั่งเอง (3) การใช้คำศัพท์ซึ่งเป็นคำศัพท์เฉพาะในการรายงานข่าวหนังสือพิมพ์
ซึ่งคำศัพท์ในการเขียนข่าวนั้นจะมีการใช้คำศัพท์ที่เป็นคำศัพท์เฉพาะในตัวของมันเอง ส่วนมากจะเป็นคำที่สั้น แต่ในหลาย ๆ กรณีมักจะมีความหมายแฝง (connotative) ที่ก่อให้เกิดความรู้สึกรุนแรง และตื่นเต้น
ในการแปลข่าวจากภาษาหนึ่งไปอีกภาษาหนึ่ง
ซึ่งผู้แปลจะต้องมีความรู้ในส่วนของความหมายของคำศัพท์ที่ใช้ในการรายงานข่าวในภาษาต้นฉบับ
และจะต้องใช้คำศัพท์เฉพาะที่ใช้ในการรายงานข่าวในภาษาฉบับแปลด้วย
นอกจากได้เรียนรู้ในส่วนของเนื้อหา หัวข่าว และเนื้อข่าว และรวมไปถึงการใช้โครงสร้างประโยคในแบบต่าง ๆ ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ และได้รู้ในความเหมือนและความต่างของโครงสร้างประโยค และคำศัพท์ต่าง ๆ และในส่วนนี้จะกล่าวถึงในเรื่องของคำศัพท์ต่าง ๆ ที่ใช้ในการเขียนข่าว ตัวอย่างคำศัพท์ในรายงานข่าวภาษาไทย จะมีตัวอย่างคำศัพท์ที่ควรรู้ คือ ทลาย กำจัดให้หมดไป destroy , บุก เข้าไป raid , โวย ฟ้อง complain , รวบ จับกุม arrest , ศึก การทะเลาะ war , คงที่ สิ้นชีวิต dead on spot , จ่อหัว ถูกยิงที่หัว shot at head , เรียงคิว คนหลายคนผลัดกันข่มขืน gang raping , ดัง มีชื่อเสียง popular , โหด อย่างทารุณ cruelly , ค.ร.ม. คณะรัฐมนตรี Cabinet ซึ่งในการเขียนข่าวภาษาไทยนั้น มีระเบียบการเขียนเรียงคำจะไม่นิยมมาใส่ในงานเขียนประเภทอื่น ๆ และในส่วนของตัวอย่างในคำศัพท์ในภาษาอังกฤษ คือ hit strike , attack , or come , aqainst something with force จู่โจม , โจมตี , held captured , arrested ยึด , จับ , จับกุม , accord agreement ข้อตกลง , probe investigate สืบสวน , to OK to approve อนุมัติ , govt government รัฐบาล นอกจากจะได้รู้ในส่วนของคำศัพท์แล้ว ก็ได้เรียนรู้ในส่วนของตัวย่อคือ S’ pore Singapore สิงคโปร์ , PM The Primeminister นายก , MP member of parliament นายก , trio three persons สามคน , สามสหาย
จากการเรียนรู้ในห้องเรียนครั้งนี้ ข้าพเจ้าได้เรียนรู้ในส่วนของการแปลข่าวและการใช้โครงสร้างประโยคทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
ซึ่งแต่ละภาษานั้นจะมีโครงสร้างประโยคในการเขียนข่าวที่มีความแตกต่างกันออกไป และคำศัพท์ที่นำมาใช้ในการเขียนข่าวก็จะเป็นคำศัพท์เฉพาะด้านของแต่ละภาษา ซึ่งเราสามารถทำความรู้ที่ได้ในครั้งนี้ไปปรับใช้ในการแปลในรูปแบบอื่น
ๆ ไว้โดยการนำเทคนิคและหลักการต่าง ๆ
ไปดัดแปลให้เกิดการเรียนรู้และเกิดประโยชน์สูงสุด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น