Learning Log 9
(in class)
สังคมปัจจุบันนี้ภาษาต่างประเทศเข้ามามีบทบาทในการเรียนการสอนในรูปแบบต่างๆในห้องเรียนเรียนซึ่งภาษามีอิทธิพลต่องานแปลในภาษาไทยคือภาษาอังกฤษนั่นเองซึ่งงานแปลในภาษาอังกฤษนั้นจะแปลให้เป็นภาษาไทย
มีความจำเป็นที่จะต้องอาศัยความรู้เกี่ยวกับไวยากรณ์ซึ่งสำหรับวิชาภาษาอังกฤษนั้นไวยากรณ์เปรียบเสมือนส่วนสำคัญสำหรับการเรียนรู้ภาษาอังกฤษซึ่งไวยากรณ์นั้นมีประโยชน์ต่อการแปลภาษาอังกฤษเพราะจะเป็นการเชื่อมโยงไวยากรณ์สู่การแปลภาษาที่มีเหตุผล
และหลักการ มีภาษาที่ไพเราะ เพราะ มีภาษที่สละสลวยและที่สำคัญมีภาษาที่ชัดเจน
เข้าใจง่ายและถูกต้องในความหมายที่แปล ดังนั้นต่อไปนี้เราจะกล่าวถึง Adverb Clause ในคาบนี้เราได้เรียนรู้เกี่ยวกับลักษณะของ
Adverb เราสามารถนำความรู้เกี่ยวกับลักษณะของเรื่องนี้มาเชื่อมโยงไปสู่การแปลภาษาอังกฤษ
เป็นภาษาไทยที่ควรแปลให้น่าอ่านและเมื่องานแปลออกมาแล้วจะได้ภาษาที่สละสลวย
และผู้อ่านสามารถอ่านแล้วเกิดความสนใจ ติดใจ
และเกิดความประทับใจในการอ่านงานแปลชิ้นนั้นอย่างมีความสุขและประทับใจในการอ่านและที่สำคัญ
ผู้อ่านก็อยากติดตามผลงานในการแปลชิ้นต่อๆไปอีกด้วย
Adverb Clause คือ
อนุประโยคที่ทำหน้าที่เหมือนคำกริยาวิเศษณ์ตัวหนึ่งที่ใช้ขยายกริยา หรือ
คุณศัพท์ในประโยคหลัก
หรือใช้ขยายประโยคหลักเพียงแสดงถึงวัตถุประสงค์บางประการ
Adverb Clause จะตามหลังสันธานที่ใช้เชื่อม
เพราะอนุประโยคที่ใช้ขยายใจความในประโยคหลัก
Adverb Clause มีทั้งหมด
9 ชนิด แบ่งตามหน้าที่ของมัน ดังนี้
(1) Adverb Clause of Time (วิเศษณานุประโยคที่บอกเกี่ยวกับเวลา)
คำสันธาน ( Conjunctions ) ที่ใช้เชื่อมอนุประโยคเพื่อบอกเวลาได้แก่
when, before,after, since, as soon
as , till , until , whenever
ตัวอย่างเช่น when , while
1.While
I was walking along the street,I saw a filmstar yesterday.
เมื่อวานนี้ขณะที่ผมกำลังเดินไปตามถนนอยู่นั้น ผมได้เห็นดาราภาพยนตร์คนหนึ่ง
2.She
will go when her fater arrives.
เธอจะไปเมื่อคุณพ่อของเธอมาถึง
Before
1.Before
I go to bed,
I must read a book.
ก่อนที่ผมจะเข้านอน
ผมจะต้องอ่านหนีงสือก่อน
2.You
have to came to see me
before I leave for Canada.
คุณจะต้องมาพบผมก่อนที่ผมจะเดินทางไปประเทศแคนาดา
After
1.After
the student had left, the headmaster arrived.
หลักจากที่นักเรียนกลุ่มนั้นออกไป แล้วครูใหญ่ก็ได้มาถึง
2.He
called me after he had finished his homework
เขาโทรมาหาฉัน
หลังจากที่เขาได้ทำการบ้านของเขาเสร็จ
Since
1.Since
she arrived in Bangkok,She hasn't called me yet.
ตั้งแต่เธอเดินทางมาถึงกรุงเทพ เธอยังไม่ได้โทรศัพท์หาผมเลย
2.He
has been working in a companySince he left school.
เขาได้ทำงานในบริษัทแห่งหนึ่งเรื่อยมา
ตั้งแต่เขาเรียนหนังสือจบแล้ว
As soon as
1.Suda
will leave home as soon as you arrive.
พอคุณสุดามาถึง สุดาก็จะไปทันที
2.As
soon as she finished reading the note,she rang up her mother.
ทันที่ที่เธออ่านข้อความ นั้นเสร็จ
เธอก็ได้โทรศัพท์ไปหาคุณแม่ของเธอ
While = at the same time
as (ขณะที่)
1.While
she was cooking, I was reading.
ขณะที่เธอกำลังทำอาหาร
ผมก็กำลังอ่านหนังสือ
2.Everybody
was quiet, while I was teaching.
ทุกคนเงียบขณะที่ผมกำลังสอนหนังสืออยู่
As = while
1.Everybody
laughed as I was teaching.
ทุกคนหัวเราะ ขณะที่ผมกำลังสอน
Till = until
1.Don't
go anywhere till (until) she comes back.
อย่าไปไหนจนกว่าเธอกลับมา
2.I won't
go anywhere till (until) you let me go.
ผมไม่ไปไหนจนกว่าคุณจะให้ผมไป
Whenever
1.I am
happy whenever you come to see me.
ผมมีความสุขเมื่อคุณมาหาฉัน
2.Whenever
she cries, I am sad,
เมื่อไหร่ก็ตามที่เธอร้องไห้ผมก็เศร้าใจ
(2) Adverb Clause
of Place (วิเศษณานุประโยคที่บอกเกี่ยวกับสถานที่)
คำสันธาน (Conjunctions) ที่ใช้เชื่อมอนุประโยคเพื่อบอกสถานที่
ได้แก่ where, wherever
มีข้อควรสังเกต ก็คือ where และ wherever ไม่ได้ขยายคำนามใดๆ
หรือไม่ได้แสดงลักษณะของ
คำที่วางอยู่ข้างหน้าเหมือนใน Adjective Clause หลักใหญ่ของ Adverb Clause ก็คืออนุประโยค
ที่ใช้ขยายกริยาหรือคุณศัพท์ นั่นเอง ตัวอย่างเช่น
Where
She wants to go where you live. เธอต้องการไปที่นี่คุณอาศัยอยู่
Study English where you like. จะเรียนภาษาอังกฤษในที่ที่คุณอยากจะเรียน
Wherever
She had decided to go whenever I
used to go.
เธอได้ตัดสินใจไปที่ไหนก็ตามที่ผมเคยไป
He wants to lie whenever there is
his mother.
เขาต้องการอยู่ที่ไหนก็ตามที่มีคุณแม่เขาอยู่ด้วย
N. Clause ทำหน้าที่เหมือนนาม
เช่น
I know where she lives. ( where she lives ทำหน้าที่เป็นกรรมของ
know )
Adv. Clause ขยายกริยา
เช่น
He wants to go where she lives. ( where she lives ขยายกริยาคือ
go )
(3) Adverb Clause of Manner (วิเศษณานุประโยคบอกเกี่ยวกับกริยาอาการหรือกริยาท่าทาง)
คำสันธาน
( Conjunctions ) ที่ใช้เชื่อมอนุประโยคเพื่อบอกกริยาอาการ
ได้แก่ as , as if , as though
ตัวอย่าง เช่น As
You should practise English as she
does.
คุณควรจะฝึกภาษาอังกฤษเช่นเดียวกับที่เธอฝึก
as if
Suda usually dresses as if she were
a superstar of Thailand
ปกติสุดาจะแต่งตัวราวกับว่าเธอเป็นซูปเปอร์สตาร์ของเมืองไทย
As though
Somsak spends his money as though he
were a millionaire.
สมศักดิ์ใช้เงินของเขาราวกับว่าเขาเป็นเศรษฐี
(4) Adverb Clause
of Reason (วิเศษณานุประโยคที่บอกเกี่ยวกับเหตุผล)
คำสันธาน ( Conjunctions ) ที่ใช้เชื่อมอนุประโยคเพื่อบอกเหตุผล
ได้แก่ because , since,
as, seeing that, now that, for,
inasmuch as , forasmuch as, in that เป็นต้น ซึ่งมีความหมายคล้ายๆ
กัน คือ เพราะว่า, ด้วยเหตุที่, เพราะ ตัวอย่าง
เช่น
Because
She likes him because he is a good
man.
เธอชอบเขาเพราะว่าเขาเป็นคนดี
Since
Since there was a terrible traffic
jam, she was late.
เพราะรถติดมาก เธอจึงมาสาย
As
As I had not enough money to study
in Europe of America, I went to study in india.
เพราะผมมีเงินไม่พอจะไปเรียนต่อที่ยุโรปหรืออเมริกา
ผมจึงได้ไปเรียนที่ประเทศอินเดีย
การใช้ as ในลักษณะเช่นนี้ มักจะใช้คู่กับ so ( as
...so...) เช่น
As I had not money to buy something,
so I didn't go shopping yesterday.
เพราะผม มีเงินไม่พอที่จะซื้อของ
ดังนั้นผม จึงไม่ได้ไปซื้ออะไรเลยเมื่อวานนี้
For
He spends most of his life time in
the countryside, for he does not like to live in any big cities.
เขาใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในชนบท
เพราะว่าเขาไม่ชอบอาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ๆ
(5) Adverb Clause
of Purpose (วิเศษณานุประโยคที่แสดงถึงวัตถุประสงค์)
คำสันธาน
( Conjunctions ) ที่ใช้เชื่อมอนุประโยคที่บอกเกี่ยวกับวัตถุประสงค์นั้นได้แก่
so that, in order that, for fear
that, lest, for the purpose that
(เพื่อว่า, เพื่อที่จะ, ด้วยเกรงว่า) ตัวอย่างเช่น
So that
He is climbing higher so that he can
get a better view.
เขากำลังปืนสูงขึ้นเพื่อว่าเขาจะสามารถมองเห็นทิวทัศน์ได้ดีกว่า
in order that = so that
She studies hard in order that she
she will pass the final exam.
เธอของเรียนหนักด้วยเกรงว่าเธอจะสอบปลายภาคไม่ผ่าน
For fear that = lest
She studies hard for fear that she
should fail the final exam.
เธอเรียนหนักด้วยเกรงว่าเธอจะสอบปลายภารไม่ผ่าน
( for
fear that = so that...not จึงมีโครงสร้างด้งนี้
for fear that + subject + should + V1 )
(6) Adverb Clause
of Concession ( วิเศษณานุประโยคที่แสดงถึงความขัดแย้ง )
คำสันธาน ( Conjunctions ) ที่ใช้เชื่อมอนุประโยคที่แสดงถึงความขัดแย้งนั้นได้แก่
even if, even though, though,
although, however + adj./adv. , whether..or not, no matter..ตัวอย่าง
เช่น
Although
Although he tried hard, he was not
successful.
ถึงแม้ว่าเขาได้พยายามอย่างมากแล้ว
แต่เขาก็ไม่ประสบผลสำเร็จ
Though = although, even
though, even if
Though she loves him very much, she
can not marry him.
ถึงแม้วาเธอจะรักเขามาก
แต่เธอก็ไม่สามารถแต่งงานกับเขาได้
However
However hard he tries, he never
seems able to do the work satisfactory.
แม้ว่าเขาจะพยายามมากเพียงไรก็ตาม
แต่ดูเหมือนว่าเขาไม่เคยทำงานได้อย่างน่าพอใจ
Whether...or not
Whether she student hard or not. I
don't think she pass the final examination.
ไม่ว่าเธอจะเรียนหนักหรือไม่ก็ตาม
ผมคิดว่าเธอจะสอบผ่านปลายภาคไม่ผ่าน
Even if
He looks very young even if he is 40 years old.
เขาดูยังหนุ่มมากถึงแม้ว่าเขาจะอายุ
40 ปีแล้วก็ตาม
Even though
She does not want to study abroad
even though she is very rich.
เธอไม่ต้องการไปเรียนต่อต่างประเทศ
ถึงแม้ว่าเธอจะรวยมากก็ตาม
(7) Adverb Clause of Comparison (วิเศษณานุประโยคที่แสดงถึงการเปรียบเทียบ)
คำสันธาน ( conjunctions ) ที่ใช้เชื่อมอนุประโยคที่แสดงถึงการเปรียบเทียบ
นั้นได้แก as, so...as, such...as
, than ตัวอย่าง เช่น
As..as
1.She
is as tall as you are.
เธอสูงเท่ากันกับคุณ
So..as
1.This
test is not so easy as I think.
การทดสอบนี้ไม่ง่ายเหมือนที่ผมคิด
Such..as
Our new cook is not such as handy oneas we expect.
พ่อครัวคนใหม่ของเราไม่คล่องแคล่วเหมือนที่เราคาดหวังไว้
Than
1.He
is taller than his brother.
เขาสูงกว่าพี่ชอบของเขา
(8) Adverb Clause Of Result (วิเศษณานุประโยคที่แสดงถึงผลการการะทำ)
คำสันธาน ( Conjunctions ) ที่ใช้เชื่อมอนุประโยคที่แสดงถึงผลของการกระทำ
ได้แก่ so..that, such..that, so that
So..that
He ran so fast that I could not
catch him.
เขาวิ่งเร็วมากซึ่ง (เป็นผลให้)
ผมตามเขาไม่ทัน
Such...that
It was such a warm day that I took
off my suit.
เราได้ปลูกต้นไม้จำนวนมาก ดังนั้น สวนแห่งนั้นจึงมองดูสวยทันตา
(9) Adverb Clause of Condition (วิเศษณานุประโยคที่แสดงถึงเงื่อนไข
หรือการสมมุติ)
คำสันธาน ( Conjuctions ) ที่ใช้เชื่อมประโยคที่แสดงถึงเงื่อนไขหรือการสมมุติ
ได้แก่
if, as long as supposing (that), on
condition that, unless ตัวอย่าง เช่น
If
If you don't write a letter to her,
she will not understand something in details
ถ้าคุณไม่เขียนจดหมายถึงเธอ
เธอก็จะไม่เข้าใจรายละเอียดบางอย่าง
As long as
As long as there is the sun. I will
struggle for a better life.
ตราบใดที่ยังมีดวงอาทิตย์
นั้นอยู่ผมจะพยายามดิ้นรนต่อสู้เพื่อมีชีวิตที่ดีกว่า ตราบนั้น
Provided (that)
Provided that I had much money. I
would buy a house and a car.
ถ้าผมมีเงินมากผมจะซื้อบ้านและรถยนต์
Unless = if..not
Unless she studies English. she can
not speak English well.
ถ้าเธอไม่เรียนภาษาอังกฤษ
เธอก็จะไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ดี
จากการเรียนรู้ในห้องเรียนคาบนี้ทำให้ได้รู้เกี่ยวกับหลักการ
คำต่างๆที่ใช้ในการสร้างประโยค และรวมไปถึงประเภทต่างๆในส่วนของเรื่อง Adverb
Clause ซึ่งเราสามารถนำเรื่องที่ได้เรียนรู้ไปประยุกต์ใช้ในการสร้างประโยค
การเขียงานแปลต่างๆให้เกิดความถูกต้องตามหลักไวยากรณ์
แล้วเราก็สามารถนำเรื่องนี้มาประยุกต์ใช้ในการใช้ชีวิตประจำวันได้อีกด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น