วันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

Learning Log 11 (out class)

Learning  Log  11 
(out  class)
                                การแปลงานจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทยนั้น  มีความจำเป็นที่จะต้องอาศัยความรู้เกี่ยวกับเรื่องไวยากรณ์พื้นฐาน  grammar  ซึ่งจะประกอบด้วยกันหลาย ๆ เรื่อง  ซึ่งสำหรับวิชาภาษาอังกฤษนั้น  ไวยากรณ์  grammar  ได้เปรียบเสมือนหัวใจสำคัญที่เป็นเรื่องสำคัญสำหรับการเรียนรู้วิชาภาษาอังกฤษ  ซึ่งในส่วนของเรื่องไวยากรณ์  grammar  นั้นจะมีประโยชน์ต่อการแปลภาษาอังกฤษเพราะเป็นการเชื่อมโยงไวยากรณ์  grammar  สู่การแปลภาษาอย่างมีหลักการ  มีภาษาที่สละสลวย  และภาษาที่ชัดเจนเข้าใจความหมายได้ง่ายและถูกต้องตามหลักไวยากรณ์  grammar  ดังนั้นในส่วนต่อไปนี้เราจะศึกษาเกี่ยวกับเรื่อง  Adverb  Clause  เพราะเรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่มีความจำเป็นในการนำไปใช้  ในการแปล  เราจำเป็นต้องเรียนรู้เกี่ยวกับลักษณะของ  Adverb  Clause  และประเภทของ  Adverb  Clause  ว่ามีกี่ประเภทอะไรบ้าง  แล้วแต่ประเภทนั้นมีความเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไรบ้าง  เราจะสามารถนำความรู้เรื่อง  Adverb  Clause  มาเชื่อมโยงไปสู่การแปลภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทยที่เราควรแปลให้ผู้อ่านมีความสนใจและเมื่อแปลออกมาแล้วจะได้ภาษาที่สละสลวยแบะเมื่อผู้อ่านอ่านแล้วทำให้เกิดความเข้าใจและผู้อ่านเกิดความประทับใจในการอ่าน  และจะอ่านง่ายแปลชิ้นนั้นด้วยความเข้าใจที่ชัดเจนและถูกต้อง  และผู้อ่านจะมีความสุขกับการอ่านอีกด้วย

                                Adjective  Clause  คือ  ประโยคที่ทำหน้าที่เป็นคุณศัพท์คือ  ขยายคำนาม  หรือสรรพนาม  ลักษณะของ  Adjective  Clause  จำนำหน้าด้วยคำเชื่อม  (Connectives)  2  ชนิด  คือ
(1)        Relative  Pronoun
ได้แก่  who  ,  whom  ,  that  ,  which  ,  whose
(2)        Relative  Adverb
ได้แก่  when  ,  where  ,  why
-                   The  man  who  sits  next  to  me  never  spoke  to  me.
-                   The  book  which  is  written  in  German  is  difficult  and  Goring.
-                   Teachers  whose  classes  are  interrelating  have  many  students.
-                   This  is  the  school  where  I  used  to  work.
สำหรับเรื่อง  Adjective  Clause  เราก็ได้เรียกกันว่าเป็นอนุประโยคอีกประเภทหนึ่ง  ที่เราต้องเรียนรู้  เมื่อเราได้ทบทวนเรื่อง  Adjective  Clause  กันแล้วเราก็มาเรียนรู้ใน
                เรื่องของ  Adverb   Clause  กันต่อ  เพราะทั้งสองเรื่องนี้จะทำให้เราสับสนเป็นอย่างมากถ้าเราไม่ทำความเข้าใจได้อย่างถูกต้อง
                                Adverb  Clause  คือ  ประโยคที่ทำหน้าที่เหมือน  Adverb  ขยายกริยา  ขยายคำคุณศัพท์และขยายกริยาวิเศษณ์ที่อยู่ในประโยคอื่นได้
-                   She  went  home  because  she  has  a  fever.
-                   He  treats  us  as  if  we  were  his  children.
Adverb  Clause  จะแบ่งออกเป็นได้  ชนิด  คือ
(1)        Adverb  Clause  of  time
คือ  ประโยคที่ทำหน้าที่ขยายกริยาเพื่อแสดงเวลา  เช่น  when  ,  whenever  ,  while  ,  before  ,  after  ,  as  soon  as  ,  since  ,  until
-                   As  it  was  late  ,  we  went  home.
-                   I  will  wait  here  until  you  allow  me  to  come  in.
(2)        Adverb  Clause  of  Place
คือ  ประโยคที่ทำหน้าที่ขยายกริยาเพื่อบอกสถานที่  เช่น  where  ,  wherever
-                   You  may  go wherever  you  want.
-                   She  hid  her  money  where  nobody  could  find  it.
(3)        Adverb  Clause  of  Manner
คือ  ประโยคที่ทำหน้าที่ขยายกริยาเพื่อแสดงอาการ  เช่น  as  ,  as  if  ,  as  though
-                   He  acted  as  if  he  were  a  millionaire.
-                   She  wrote  the  letter  as  she  was  told.
(4)        Adverb  Clause  of  Comprison
คือ  ประโยคที่ทำหน้าที่ขยายกริยาวิเศษณ์หรือขยายคำคุณศัพท์  เพื่อแสดงการเปรียบเทียบ  เช่น  as…as  ,  so…as  ,  than
-                   Can  you  send  me  your  application  form  as  soon  as  possible  ?
-                   Jane  didn’t  do  so  well  in  the  exam  as  she  had  hoped.
(5)        Adverb  Clause  of  Caurse  or  Reason
คือประโยคที่ทำหน้าที่ขยายกริยาหรือคุณศัพท์เพื่อแสดงสาเหตุหรือเหตุผล  เช่น  because  ,  sinces  ,  as  ,  for
-                   They  moved  to  London  because  they  wanted  to  stay  with  their  parents.
-                   She  ran  away  for  she  was  afraid.
(6)        Adverb  Clause of  Purpose
คือ  ประโยคที่ทำหน้าที่ขยายกริยาเพื่อแสดงความมุ่งหมายหรือแสดงวัตถุประสงค์  เช่น  so  that  ,  in  order  that
-                   She  works  hard  so  that  she  can  get  more  money  for  her  children.
-                   He  come  here  in  order  that  he  night  see  his  boss.
(7)       Adverb  Clause  of  Result
คือ  ประโยคที่ทำหน้าที่ขยายกริยา  ขยายคำคุณศัพท์  หรือขยายคำวิเศษณ์  เช่น  so…that  ,  such…that 
-                   New  care  are  so  expensive  that  some  employees  buy  used  ones.
-                   She  is  such  a  polite  girl  that  everybody  likes  for.
(8)       Adverb  Clause  of  Condition
คือ  ประโยคที่ทำหน้าที่ขยายกริยาเพื่อแสดงเงื่อนไข  เช่น  if  ,  unless  ,  provided  that  ,  on  condition  that
-                   If  she  comes  ,  I  will  here  the  truth.
-                   Unless  he  works  harder  ,  he  will  fail.
(9)        Adverb  Clause  of  Concession
คือ  ประโยคที่ทำหน้าที่ขยายกริยา  หรือ  ขยายคำคุณศัพท์เพื่อแสดงการยอมรับ  เช่น  though  ,  although  ,  however  ,  whatever
-                   Although  she  is  fat  ,  she  can  run  quickly.
-                   Whatever  help  you  give  them  ,  they  will  never  thank  you.
สำหรับ  Adverb  Clause  สามารถสรุปใจความสำคัญของประเด็นความรู้หลัก ๆ ที่สำคัญได้ว่า  Adverb  Clause  จะมีหน้าที่เหมือน  Adverb  คือ  กริยากริยาวิเศษณ์จะเป็นคำเดียว  แต่  adverb  clause  นั้นจะเป็นประโยคย่อยซึ่งจะเป็นประโยคที่ไม่สมบูรณ์  หรือเราเรียกว่าอนุประโยค  ซึ่งจะมีคำที่บ่งบอกให้รู้ว่านั้นเป็นประโยค 
                Adverb  clause  ซึ่งจะแบ่งออกเป็น  ประเภท  ซึ่งแต่ละประเภทนั้นก็จะใช้ในบริบทที่แตกต่างกัน  และใช้คำต่างกันอีกด้วยในการที่เราศึกษาเรื่อง  Adverb  Clause  นั้นก็เป็นการฝึกทักษะอีกทักษะหนึ่ง  นั่นก็คือ  ทักษะการอ่านนั่นเอง
                                ในชีวิตประจำวันของเรานั้นจะมีการสื่อสารที่สื่อสารทั้งทางด้านคำพูดท่าทางและอื่น ๆ อีกมากมาย  ซึ่งเราควรจะมีการฝึกทักษะให้มีความเข้ใจ  ซึ่งทักษะที่มีความสำคัญอีกทักษะหนึ่งก็คือ  ทักษะการฟัง  ซึ่งในการฝึกทักษะการฟังนี้  ดิฉันจะฝึกทักษะการฟังโดยการฟังเพลงสากล  ชื่อเพลง  One  more  night  ร้องโดย  Maroon  5  อยู่ในอัลบั้ม  Overexposed  ซึ่งดิฉันได้ฟังเพลงนี้  3 – 4  รอบ  รอบแรกจะฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง  แต่พอเปิดฟังหลาย ๆ รอบก็ทำให้เราเกิดความเคยชินฟังคำศัพท์บางคำได้รู้เรื่องมากขึ้น  ซึ่งในเนื้อเพลงจะเป็นภาษาที่ฟังแล้วค่อนข้างเข้าใจยาก  แต่เราก็จะได้เรียนรู้คำศัพท์ยาก  ได้เรียนรู้สำนวน  ได้เรียนรู้ประโยคในรูปแบบ  tense  ต่าง ๆ และที่สำคัญได้ฟังเสียงสำเนียงจากเจ้าของภาษา
                                ซึ่งในเนื้อเพลงจะมีช่วงที่ดิฉันชอบมาก  คือ  บทนี้เป็นบทที่มีความหมายดี
                But  baby  there  you  go  again  ,  there  you.
                Go  again  making  me  love  you.
Yeah,  I  shopped  using  me  head  ,  using  my  head  let  itall  go.
                Got  you  stuck  on  my  body  ,  on  my  body  like  a  tattoo.
                And  now  I’m  feeling  stupid  ,  feeling  stupid  crowing  back  to  you.
                ในบทนี้ก็จะมีคามหมายว่า  แต่ที่รัก  เธอเอาอีกแล้ว  เธอทำให้ฉันรู้สึกรักเธอขึ้นมาอีกแล้ว  ใช่…  ฉันหยุดคิดเรื่องราวต่าง ๆ แล้วปล่อยให้มันผ่านไปดีกว่า  รู้สึกว่าเธอนั้นเป็นส่วนหนึ่งของตัวฉัน  ราวกับรอยสัก  และตอนนี้ …  ฉันก็รู้สึกว่าตัวเองโง่มาก ๆ โง่ที่อยากคลานกลับไปหาเธอ  ซึ่งนอกจากจะได้เรียนรู้ความหมายของเนื้อเพลง  ยังได้เรียนรู้ความหมายของคำศัพท์ที่เป็นคำศัพท์ที่เราไม่คุ้นเคย  เช่น
                Rough                    =             หยาบคาย
                Throwing             =             ขว้างปา
                Slamming             =             กระแทก
                Dysfunctional      =             จ้องจับผิด
                Damn                     =             แย่ ๆ
                Stuck                     =             ส่วนหนึ่ง
                Tattoo                    =             รอยสัก
                Crawling               =             คลาน
                Breath                    =             ลมหายใจ
                Probably               =             เกลียด
                Guitty                    =             ผิด
                Hell                        =             สุด ๆ
                                นอกจากนี้ได้รู้คำคามหมายของคำศัพท์แต่ละคำแล้วเรายังได้เรียนรู้สำนวนและความหมายของสำนวนนั้นอีกด้วย
                                Cross  my  heart  and  I  hope  to  die  เป็นสำนวนที่มีความหมายว่า  สาบานจริง ๆ ให้ตายเถอะ
                                เมื่อเราได้ฟังเพลงสากลและทำให้เราผ่อนคลายและได้เรียนรู้สำเนียงจากเจ้าของภาษาอีกด้วยและเราสามารถนำความรู้ที่ได้จากการฝึกทักษะการฟังนำไปประยุกต์ใช้ในการสื่อสารในชีวิตประจำวัน
กับเจ้าของภาษาได้ด้วยความเคยชินและเจ้าของภาษาก็จะมีความเข้าใจในประโยคที่เราสนทนามากขึ้น
                                นอกจากดิฉันได้ฝึกทักษะการฟังและการอ่านเรื่อง  Adverb  Clause  แล้ว  ดิฉันยังมีความสนใจในทักษะการอ่าน  คือ  ดิฉันได้สนใจอยากจะอ่านเรื่องสั้น  ซึ่งเรื่องสั้นเรื่องนี้เป็นเรื่องสั้นภาษาอังกฤษที่มีชื่อที่น่าสนใจ  คือ  สมบัติล้ำค่าของคุณยาย  (Priceless  Treasure)  ซึ่งจะเป็นบทความภาษาอังกฤษที่มีความน่าสนใจของเนื้อหาและภาษาในการเขียน  ซึ่งจะมีเรื่องย่อดังนี้  คือ  ตอนนี้ยายยังแข็งแรงอยู่  ยายให้สมบัติแก่เรา  เป็นสมบัติล้ำค่าที่สุด  เพราะฉะนั้นให้จำคำของยายไว้  แล้วเก็บรักษาสมบัติที่ยายได้ให้เราไว้นี้ให้ดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้  เพื่อในภายภาคหน้าจะได้เอาตัวรอดได้ยายมีความหวังดีแก่เราตลอดเวลา  ถ้เราทำตามยายเราก็จะเจอแต่สิ่งดี ๆ ตลอดเวลา
                                ในเรื่องสั้นเรื่องนี้นอกจากจะได้เรียนรู้ความหมายของเรื่องย่อแล้วเรายังได้รู้ถึงการเขียนประโยค  เพื่อบอกว่า  tense  ไหนอีกด้วย  ซึ่งในเรื่องสั้นเรื่องนี้ผู้แต่งจะใช้ประโยคที่เป็นปัจจุบันกาล  ส่วนมากจะเป็น  Present  Simple  tense  คือ  ในประโยคนั้นจะมีการใช้  V.1  เติม  หรือ  es  ก็ได้ในกรณีที่  Sub  เป็นเอกพจน์  และจะมีคำบอกเวลา  เช่น  everyday  เป็นต้น  และอีก  tense  หนึ่งก็คือ  Present  Continuous  tense  จะมีการใช้คำกริยาที่เติม  -ing  ตามหลัง  V.  to  be  และจะมีคำบอกเวลา  เช่น  in  the  moment  ,  now  เป็นต้น
                Ex.  -  At  this  moment  I’m  still  healthy.
-                   I’m  giving  you  an  invaluable  treasure.
-                   I’m  giving  to  you.
-                   May  you  always  be  on  the  moral  path.
และในเรื่องสั้นเรื่องนี้จะมีคำศัพท์ที่เราไม่รู้มากมายหลายคำ  คือ
Invaluable            =             ประมาณค่าไม่ได้
Treasure                =             สมบัติ
Spiritual                =             เกี่ยวกับจิตใจ
Virtrous                                =             เกี่ยวกับศีลธรรม
Intentions             =             ความตั้งใจ
Ultimate                =             สุดท้าย
Benefits                 =             ประโยชน์
Pursue                   =             ทำให้ลุล่วง
Moral                     =             ทางศีลธรรม
Determine            =             ค้นหาความจริงอย่างแน่วแน่
Transcendental    =             ดีกว่า
Honored                =             ความเคารพ  เกียรติ
Truthfulness        =             ความซื่อสัตย์

บทความสั้น ๆ  ภาษาอังกฤษนี้  เรื่อง  Priceless  Treasure  ตอน  Brighness  of  the  sun  เป็นบทคามสั้น ๆ ที่แฝงไปด้วยความหมายดี ๆ   ที่มีคำสอน  ให้เราได้คิดด้วย  สอนให้เราทำบุญมาก ๆ ทำบุญให้มากกว่าการทำบาป  สอนให้เรารู้จักปล่อยวางและสอนให้เราไม่เกลียดใคร  ถ้าเราทำตามที่คุณยายสอนไว้  ในบทความเรื่องสั้นภาษาอังกฤษนี้  ก็จะทำให้เราดำเนินอยู่ในชีวิตประจำวันได้อย่างสงบและมีความสุขกับการใช้ชีวิตประจำวัน          

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น